Last updated: 22 ก.ค. 2568 | 98 จำนวนผู้เข้าชม |
โรคต้อหินในแมว (Feline Glaucoma)
เป็นภาวะที่มักถูกมองข้ามโดยเจ้าของสัตว์เลี้ยง เนื่องจากอาการแสดงในระยะแรกอาจไม่ชัดเจน แต่หากปล่อยไว้โดยไม่รับการรักษา อาจส่งผลให้แมวสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร ดวงตาเป็นหนึ่งในอวัยวะสำคัญของสัตว์เลี้ยง และการดูแลรักษาดวงตาอย่างถูกต้องจึงเป็นสิ่งจำเป็น
ในฐานะสัตวแพทย์ เราเน้นย้ำถึงความสำคัญของการตรวจสุขภาพดวงตาอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะแมวที่มีอายุเริ่มมากขึ้นหรือมีประวัติเสี่ยง เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจร้ายแรงตามมา
โรคต้อหินในแมวคืออะไร?
โรคต้อหิน (Glaucoma) ในแมว คือ ภาวะที่ความดันภายในลูกตา (Intraocular Pressure: IOP) สูงขึ้นกว่าระดับปกติ ส่งผลให้เส้นประสาทตาถูกทำลาย หากไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที อาจทำให้แมวตาบอดถาวรได้
ความดันภายในลูกตาเกิดจากความไม่สมดุลของของเหลวที่ผลิตและระบายออกจากตา โดยปกติลูกตาจะมีระบบที่ควบคุมความดันนี้อย่างแม่นยำ แต่เมื่อเกิดความผิดปกติ เช่น ท่อระบายของเหลวอุดตัน ก็จะนำไปสู่ความดันที่สูงผิดปกติและเกิดโรคต้อหินตามมา
ประเภทของโรคต้อหินในแมว
โรคต้อหินในแมวแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ :
1. ต้อหินปฐมภูมิ (Primary Glaucoma) : เกิดจากพันธุกรรมหรือโครงสร้างของดวงตาที่ผิดปกติ โดยมักพบในสายพันธุ์ที่มีความโน้มเอียงทางพันธุกรรม เช่น พันธุ์ Burmese และ Siamese เป็นโรคที่พบได้น้อยแต่มีแนวโน้มลุกลามอย่างรวดเร็ว
2. ต้อหินทุติยภูมิ (Secondary Glaucoma) : เกิดจากสาเหตุอื่นที่ส่งผลกระทบต่อการระบายของเหลวในตา เช่น การอักเสบในตา, เนื้องอก, ภาวะเลนส์หลุด หรือบาดแผลจากการต่อสู้ โรคนี้พบได้บ่อยกว่าต้อหินปฐมภูมิในแมว
สาเหตุของโรคต้อหินในแมว
โรคต้อหินในแมวอาจมีต้นตอมาจากหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการระบายของเหลวภายในลูกตา ซึ่งทำให้เกิดความดันตาสูงผิดปกติ สาเหตุหลักที่พบบ่อย ได้แก่ :
สายพันธุ์แมวที่มีความเสี่ยงสูง
แมวบางสายพันธุ์มีแนวโน้มจะเป็นโรคต้อหินมากกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ โดยเฉพาะแมวที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรมหรือมีโครงสร้างทางตาเฉพาะ :
อาการของโรคต้อหินในแมว
โรคต้อหินมักแสดงอาการอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือในบางกรณีอาจรุนแรงและเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน อาการที่พบบ่อย ได้แก่ :
หากพบอาการเหล่านี้ ควรรีบพาแมวไปพบสัตวแพทย์ทันที เพราะการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยป้องกันการตาบอดถาวรได้
โรงพยาบาลสัตว์เศรษฐกิจสัตวแพทย์ พร้อมให้บริการตรวจเช็คดวงตาแมวโดยเครื่องมือเฉพาะทาง และสัตวแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านจักษุวิทยา อย่ารอให้สายเกินไป มาปกป้องการมองเห็นของแมวที่คุณรักได้แล้ววันนี้!
การวินิจฉัยโรคต้อหินในแมว
การวินิจฉัยโรคต้อหินอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการป้องกันการสูญเสียการมองเห็น โดยสัตวแพทย์จะใช้เครื่องมือเฉพาะทางและวิธีการตรวจดังนี้ :
การรักษาโรคต้อหินในแมว
เป้าหมายหลักของการรักษาคือการลดความดันในลูกตา และชะลอความเสียหายต่อเส้นประสาทตา การรักษาอาจประกอบด้วย :
1. การใช้ยาหยอดตา
- ยาหยอดเพื่อลดการสร้างของเหลวในตา เช่น Dorzolamide หรือ Timolol
- ยาหยอดเพิ่มการระบายของของเหลว เช่น Latanoprost (แม้ว่าประสิทธิภาพในแมวจะไม่ดีเท่าในสุนัขหรือคน)
2. การให้ยากิน
- มักใช้ในกรณีที่ยาหยอดไม่เพียงพอ เช่น Methazolamide หรือยาขับปัสสาวะบางชนิด
3. การผ่าตัด
- ถ้าการใช้ยาไม่ได้ผล หรือโรคมีความรุนแรง อาจต้องใช้วิธีผ่าตัด เช่น การใส่ท่อระบายของเหลว หรือการทำเลเซอร์ทำลายเนื้อเยื่อที่สร้างของเหลว
- ในกรณีรุนแรงที่แมวสูญเสียการมองเห็นถาวรและมีอาการเจ็บ อาจจำเป็นต้องทำการนำลูกตาออก (Enucleation) เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
การดูแลแมวที่เป็นโรคต้อหินที่บ้าน
แมวที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคต้อหินจะต้องได้รับการดูแลต่อเนื่องอย่างใกล้ชิด โดยเจ้าของสามารถดูแลได้ดังนี้ :
การป้องกันโรคต้อหินในแมว
แม้ว่าโรคต้อหินในแมวจะไม่สามารถป้องกันได้ 100% โดยเฉพาะกรณีที่เกิดจากพันธุกรรม แต่เจ้าของสามารถลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกได้ ดังนี้ :
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคต้อหินในแมว
แมวสามารถมีชีวิตอยู่กับโรคต้อหินได้หรือไม่ ?
ได้!! แมวสามารถใช้ชีวิตอยู่กับโรคต้อหินได้ หากได้รับการดูแลและรักษาอย่างถูกต้อง แม้ว่าการมองเห็นอาจลดลง แต่คุณภาพชีวิตยังสามารถดีได้ ตราบใดที่ไม่มีความเจ็บปวดและได้รับการติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
จะรู้ได้อย่างไรว่าแมวเป็นโรคต้อหิน?
อาการที่สังเกตได้ ได้แก่ ตาแดง ตาขุ่น ตาปูด หรือมีขนาดโตผิดปกติ แมวอาจเดินชนสิ่งของ ไม่อยากเดิน หรือแสดงพฤติกรรมซึม ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจวัดความดันลูกตา
จะดูแลแมวที่เป็นโรคต้อหินที่บ้านได้อย่างไร?
ควรป้อนยาและหยอดตาตามที่สัตวแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด จัดบ้านให้ปลอดภัย หลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวาง และลดความเครียด ติดตามอาการอย่างสม่ำเสมอ และนำกลับไปตรวจซ้ำตามกำหนด
สรุป
โรคต้อหินในแมวเป็นภาวะที่อาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรหากไม่ได้รับการดูแลอย่างทันท่วงที แต่หากตรวจพบตั้งแต่เนิ่น ๆ และมีการรักษาอย่างถูกต้อง แมวของคุณสามารถมีชีวิตที่มีคุณภาพได้อย่างยืนยาว
อย่ารอให้แมวคุณแสดงอาการหนักก่อนถึงจะพาไปพบสัตวแพทย์ เพราะสุขภาพดวงตาคือหนึ่งในกุญแจสำคัญของคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับสัตว์เลี้ยงที่คุณรัก
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) – โรคต้อหินในแมว
หากคุณสังเกตว่าแมวของคุณมีอาการผิดปกติทางดวงตา เช่น ตาแดง ตาปูด หรือมองเห็นลดลง อย่ารอช้า! สามารถพาแมวมาตรวจวินิจฉัยที่ “โรงพยาบาลสัตว์เศรษฐกิจสัตวแพทย์” ซึ่งมีเครื่องมือเฉพาะทางและทีมสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจักษุสัตว์ พร้อมดูแลดวงตาของสัตว์เลี้ยงที่คุณรักอย่างมืออาชีพ
ต้องการตรวจสุขภาพตาแมวหรือตรวจวินิจฉัยโรคต้อหิน?
ขอเชิญที่ โรงพยาบาลสัตว์เศรษฐกิจสัตวแพทย์ เรามีทีมสัตวแพทย์เฉพาะทาง เครื่องมือครบครัน และการดูแลด้วยความเข้าใจ เพื่อให้แมวของคุณมีดวงตาที่แข็งแรงในระยะยาว
หากคุณกำลังดูแลแมวที่มีปัญหาทางดวงตา หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคต้อหิน อย่ารอให้สายเกินไป! โรงพยาบาลสัตว์เศรษฐกิจสัตวแพทย์ พร้อมให้คำปรึกษา ตรวจวินิจฉัย และวางแผนการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม เพื่อสุขภาพที่ดีที่สุดของแมวที่คุณรัก
14 ส.ค. 2566
2 มิ.ย. 2568
10 พ.ย. 2565