แมวอ้วนไหม? วัดยังไง มาดูวิธีเช็กสุขภาพน้องแมวอย่างถูกต้องกันเถอะ

Last updated: 20 ก.ย. 2568  |  25 จำนวนผู้เข้าชม  | 

แมวอ้วนไหม? วัดยังไง มาดูวิธีเช็กสุขภาพน้องแมวอย่างถูกต้องกันเถอะ

แมวอ้วนไหม? วัดยังไง มาดูวิธีเช็กสุขภาพน้องแมวอย่างถูกต้องกันเถอะ

หลายครั้งที่พ่อแม่แมวอาจสงสัยว่า “แมวอ้วนหรือยัง?” เพราะน้องเหมียวแต่ละตัวมีรูปร่าง ขนาด และสายพันธุ์ที่แตกต่างกัน หนักเกิน 5 กิโล = อ้วนแล้ว จริงหรอ? การใช้แค่สายตาอาจไม่เพียงพอในการตัดสินใจว่าน้องแมวมีน้ำหนักเกินมาตรฐานหรือไม่ การปล่อยให้แมวอ้วนเกินไปอาจเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ เช่น เบาหวาน โรคข้อ และโรคหัวใจ ดังนั้น การเรียนรู้วิธีการประเมินร่างกายแมวอย่างถูกต้องจึงสำคัญมาก

ทำไมต้องรู้ว่าแมวอ้วนหรือไม่?

แมวอ้วนไม่ได้หมายความว่าน่ารักเสมอไป เพราะไขมันส่วนเกินทำให้อวัยวะภายในทำงานหนักขึ้น และยังลดคุณภาพชีวิตของน้องแมว การดูแลให้แมวมีน้ำหนักสมดุลจะช่วยให้มีอายุยืน สุขภาพดี และร่าเริงมากขึ้น

วิธีวัดว่าแมวอ้วนหรือเปล่า

สัตวแพทย์มักใช้หลักการที่เรียกว่า Body Condition Score (BCS) หรือการประเมินสภาพร่างกายของสัตว์เลี้ยง ซึ่งสามารถทำได้เบื้องต้นที่บ้านเช่นกัน โดยมีวิธีดังนี้

1. การคลำซี่โครง

  • แมวสุขภาพดี : เมื่อใช้นิ้วคลำเบา ๆ บริเวณซี่โครง จสัมผัสได้ถึงกระดูกโดยมีชั้นไขมันบาง ๆ ปกคลุม
  • แมวอ้วน : หากคลำไม่เจอซี่โครง ต้องออกแรงกดถึงจะสัมผัสได้ แสดงว่ามีไขมันสะสมมากเกินไป

2. การมองจากด้านบน
ลองมองแมวจากด้านบน (เหนือหลัง)

  • แมวสุขภาพดี : จะเห็นเอวคอดเล็กน้อยระหว่างซี่โครงกับสะโพก
  • แมวอ้วน : เอวหายไป กลายเป็นรูปร่างกลม ไม่มีส่วนเว้า

3. การสังเกตจากด้านข้าง
มองจากด้านข้าง บริเวณท้อง

  • แมวสุขภาพดี : ช่วงท้องจะยกขึ้นเล็กน้อย ไม่หย่อน
  • แมวอ้วน : ท้องกลม ห้อยลงมา เห็นชัดว่ามีไขมันสะสม

4. การชั่งน้ำหนักเทียบมาตรฐาน
แมวบ้านทั่วไปมักมีน้ำหนักมาตรฐานอยู่ที่ 3–5 กิโลกรัม ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ แต่ถ้าเกินจากเกณฑ์ไปมาก ควรพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อประเมินว่ามีภาวะ แมวอ้วน (Obesity in cats) หรือไม่

ภาวะอ้วนในแมวเสี่ยงอะไรบ้าง?

  • โรคเบาหวานในแมว
  • โรคหัวใจและความดันโลหิตสูง
  • ปัญหาข้อเสื่อมและการเคลื่อนไหว
  • โรคทางเดินปัสสาวะ
  • อายุขัยสั้นลง

การรู้ว่าแมวอ้วนไม่ใช่เพียงแค่เรื่องความสวยงาม แต่เป็นเรื่องสุขภาพระยะยาวของน้องแมวที่ควรใส่ใจ

คำแนะนำจากสัตวแพทย์

  1. ควบคุมอาหาร – ให้ปริมาณอาหารเหมาะสมตามช่วงวัย ไม่ควรให้ขนมหรืออาหารคนบ่อย
  2. แบ่งมื้ออาหาร – แมวโตควรได้รับอาหารวันละ 2–3 มื้อ ไม่ควรปล่อยให้อาหารวางไว้ตลอดเวลา เพราะอาจทำให้น้องกินเกินความจำเป็น
  3. กระตุ้นการออกกำลังกาย – ใช้ของเล่น กระบอกให้อาหาร (food puzzle) หรือจัดเวลาเล่นทุกวัน เพื่อช่วยให้น้องเผาผลาญพลังงาน
  4. ตรวจสุขภาพประจำปี – การพาแมวไปพบสัตวแพทย์เป็นประจำ จะช่วยให้สามารถควบคุมน้ำหนักและป้องกันโรคได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น

FAQ คำถามที่พบบ่อย
Q1: จะรู้ได้ยังไงว่าแมวอ้วนเกินไป ต้องพาไปหาหมอหรือยัง?
A: หากแมวมีรูปร่างกลม ไม่มีเอว คลำซี่โครงไม่เจอ หรือท้องหย่อนชัดเจน นั่นอาจเป็นสัญญาณของภาวะอ้วน ควรพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพและประเมินน้ำหนักอย่างละเอียด

Q2: แมวอ้วนลดน้ำหนักได้ไหม และควรทำยังไง?
A: แมวสามารถลดน้ำหนักได้ แต่ต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป เช่น ควบคุมปริมาณอาหาร แบ่งมื้อให้เหมาะสม เพิ่มการเล่นและออกกำลังกาย และควรได้รับคำแนะนำจากสัตวแพทย์เพื่อให้ปลอดภัยต่อสุขภาพ


ช่องทางติดต่อโรงพยาบาลสัตว์เศรษฐกิจสัตวแพทย์ติดต่อสอบถามหรือโทรนัดหมาย : 086-328-3781, 02-809-2372
นัดหมายสัตวแพทย์ / สอบถามข้อมูล : คลิกที่นี่

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้