สาเหตุของโรคตาขุ่นในแมว
- ต้อกระจก (Cataracts): เป็นภาวะที่เลนส์ตาขุ่นมัว ซึ่งมักพบในแมวที่เคยมีปัญหาการอักเสบในลูกตามาก่อน
 - เยื่อบุตาอักเสบ: เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือภูมิแพ้ ทำให้เยื่อบุตาอักเสบ บวมแดง และมีขี้ตา
 - แผลที่กระจกตา: อาจเกิดจากการถูกวัตถุแปลกปลอมบาด หรือการติดเชื้อ ทำให้กระจกตาขุ่นมัว
 - ต้อหิน (Glaucoma): เป็นภาวะที่ความดันในลูกตาสูงขึ้น ทำให้เส้นประสาทตาถูกทำลาย และอาจนำไปสู่การตาบอด
 - โรคทางพันธุกรรม: บางสายพันธุ์แมวมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคตาบางชนิด เช่น แมวเปอร์เซีย
 - โรคอื่นๆ: เช่น โรคไต โรคตับ หรือโรคเบาหวาน ก็อาจส่งผลให้เกิดโรคตาขุ่นได้
 
อาการอื่นๆ ที่พบร่วมด้วย
- ตาแดง: เยื่อบุตาขาวแดงบวม
 - มีขี้ตา: ขี้ตาเยอะผิดปกติ
 - แสงสะท้อนในดวงตาผิดปกติ: อาจเห็นเป็นสีขาวขุ่นแทนที่จะเป็นสีดำ
 - กลัวแสง: หลีกเลี่ยงแสงสว่าง
 - ถูตาบ่อย: พยายามขยี้ตาเพื่อบรรเทาอาการ
 - มองเห็นไม่ชัด: ชนสิ่งของบ่อยขึ้น
 
เพศ สายพันธุ์ และอายุที่เสี่ยง- เพศ: ไม่ได้มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ
 - สายพันธุ์: แมวเปอร์เซีย, แมวฮิมะลายัน, แมวบริติชชอร์แฮร์ มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคตาบางชนิดมากกว่าสายพันธุ์อื่น
 - อายุ: แมวสูงอายุมีโอกาสเป็นโรคตาสูงกว่าแมวอายุน้อย
 
วิธีวินิจฉัย
สัตวแพทย์จะทำการตรวจตาโดยละเอียด โดยทำการตรวจโครงสร้างลูกตาภายนอก, วัดระดับน้ำตา, ตรวจวัดความดันในลูกตา, ย้อมสีดูแผลที่กระจกตา, ตรวจดูความใสของเลนส์ตา และตรวจจอประสาทตา อาจทำการตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ หรือตรวจอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุของโรคตาขุ่น
วิธีการรักษา
วิธีการรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุของโรค
- ต้อกระจก: อาจต้องทำการผ่าตัดสลายต้อ
 - เยื่อบุตาอักเสบ: ใช้ยาหยอดตา ยาปฏิชีวนะ
 - แผลที่กระจกตา: ใช้ยาหยอดตา และอาจต้องใส่คอนแทคเลนส์เพื่อปกป้องกระจกตา
 - ต้อหิน: ใช้ยาหยอดตาเพื่อลดความดันในลูกตา
 
วิธีการดูแลแมวที่ป่วย
- ให้ยาตามที่สัตวแพทย์สั่ง: ปฏิบัติตามคำแนะนำของสัตวแพทย์อย่างเคร่งครัด
 - รักษาความสะอาดรอบดวงตา: เช็ดทำความสะอาดขี้ตาเบาๆ ด้วยสำลีชุบน้ำอุ่น
 - ป้องกันไม่ให้แมวขยี้ตา: อาจต้องใส่ปลอกคอกันเกาถูตา (collar)
 - สร้างสภาพแวดล้อมที่สงบ: หลีกเลี่ยงเสียงดังและแสงจ้า
 
วิธีการป้องกัน
- พาแมวไปตรวจสุขภาพเป็นประจำ: เพื่อตรวจหาโรคในระยะเริ่มต้น
 - ให้วัคซีน: เพื่อป้องกันโรคติดเชื้อที่อาจส่งผลต่อดวงตา
 - เลี้ยงดูแมวให้มีสุขภาพดี: ให้โภชนาการที่ดี ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เลี้ยงอยู่แต่ในบ้านเพื่อป้องกันการติดเชื้อจากแมวอื่นๆระวังไม่ให้แมวได้รับบาดเจ็บที่ดวงตา
 
อาหารสำหรับแมวที่ป่วยอาหารที่ให้แมวควรเป็นอาหารที่มีคุณภาพสูง มีสารอาหารครบถ้วน เพื่อช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และอาจให้วิตามินและแร่ธาตุเสริมตามคำแนะนำของสัตวแพทย์
คำแนะนำ: การดูแลแมวที่ป่วยเป็นเรื่องสำคัญ ควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพของแมวแต่ละตัว
หมายเหตุ: ข้อมูลนี้เป็นเพียงข้อมูลทั่วไป ไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำของสัตวแพทย์ได้ หากน้องแมวมีอาการผิดปกติ ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันที