โรคตาแห้งในสุนัข (Dry Eye): โรคยอดฮิตของน้องหมาตาโปนที่เจ้าของต้องระวัง

Last updated: 14 มิ.ย. 2568 | 44 จำนวนผู้เข้าชม |

โรคตาแห้งในหมาคืออะไร?
โดยปกติดวงตาของสุนัขจะมีน้ำตาที่ช่วยหล่อลื่นและปกป้องกระจกตา แต่หากต่อมน้ำตาผลิตน้ำไม่เพียงพอ จะเหลือเพียงเมือกกับไขมัน ส่งผลให้ดวงตาแห้งระคายเคือง เยื่อบุตาอักเสบ กระจกตาขุ่นมัว เปลี่ยนสี และอาจติดเชื้อได้ในที่สุด

อาการของโรคตาแห้งที่เจ้าของควรสังเกต

ขี้ตาแห้งกรัง สีเหลืองหรือเขียว
ตาแดง อักเสบ
กระจกตา (ตาดำ) ดูแห้ง มัว ไม่ใสเหมือนเดิม
กระพริบตาบ่อย หรือหรี่ตา
ใช้หน้าไปถูไถกับพื้นหรือเฟอร์นิเจอร์บ่อย ๆ
รู้สึกว่าน้องมีความเจ็บปวดบริเวณตา
หากพบอาการเหล่านี้ ควรรีบพาน้องไปพบสัตวแพทย์ทันที เพื่อป้องกันความเสียหายระยะยาวที่ดวงตา

พันธุ์สุนัขที่เสี่ยงเป็นโรคตาแห้งสูง
สุนัขพันธุ์ต่อไปนี้มีแนวโน้มเกิดโรคนี้มากกว่าพันธุ์อื่น ๆ เนื่องจากลักษณะดวงตาและพันธุกรรม:

Shih Tzu (ชิสุห์) – ตาโปน ขนยาว ปิดบังตาง่าย
Pug (ปั๊ก) – ดวงตากลมโต ยื่นออกมา เสี่ยงต่อความแห้งและฝุ่น
American Cocker Spaniel – พบปัญหานี้ได้บ่อยจากโครงสร้างตา
Beagle (บีเกิล) – มีโอกาสสูงจากลักษณะดวงตาและระบบภูมิคุ้มกัน
Miniature Schnauzer – ผิวตาบอบบาง แพ้สภาพแวดล้อมง่าย
Yorkshire Terrier – ขนยาวอาจรบกวนดวงตา และเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

เจ้าของที่เลี้ยงหมาในกลุ่มนี้ ควรหมั่นตรวจดวงตาน้อง และพาไปพบสัตวแพทย์เป็นประจำเพื่อป้องกันก่อนเกิดโรค

การรักษาโรคตาแห้งในสุนัข
หากได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคตาแห้งแล้ว สัตวแพทย์อาจแนะนำการรักษาดังนี้:

น้ำตาเทียม: เพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา
ยาหยอดตาปฏิชีวนะ: ป้องกันหรือลดการติดเชื้อ
ยากระตุ้นต่อมน้ำตา: เช่น Cyclosporine หรือ Tacrolimus
ยาลดการอักเสบ: เพื่อลดอาการเจ็บปวดและป้องกันแผลตา

โดยทั่วไปแนะนำให้หยอดตา วันละ 4–6 ครั้ง และควรเช็ดขี้ตาด้วยสำลีชุบน้ำยาล้างตาก่อนทุกครั้ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของยา

ทางเลือกหากการรักษาไม่ตอบสนอง
ในกรณีที่ยาหยอดตาไม่ได้ผล หรือเจ้าของไม่สะดวกดูแลตาให้น้องหมาบ่อย ๆ อาจพิจารณาทางเลือกเชิงศัลยกรรม เช่น การผ่าตัดย้ายท่อน้ำลาย (Parotid Duct Transposition) ให้มาเปิดที่หางตาแทน เพื่อให้มีน้ำมาหล่อเลี้ยงดวงตาแทนน้ำตาธรรมชาติ

การดูแลระยะยาว
โรคนี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เจ้าของจึงต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เช่น: